มก. ค้นพบ กุ้งเต้นชนิดใหม่ของโลก ภายในมหาวิทยาลัยเป็นที่แรก

มก. ค้นพบ กุ้งเต้นชนิดใหม่ของโลก ภายในมหาวิทยาลัยเป็นที่แรก

พบ “กุ้งเต้น” (amphipod) ชนิดใหม่ของโลก ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) และยังไม่มีรายงานในบริเวณอื่นในโลก ทีมนักวิจัยภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ได้ค้นพบ “กุ้งเต้น” ชนิดใหม่ของโลก บริเวณหน้าอาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริและสระน้ำโรงอาหารกลาง (บาร์ใหม่) ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และยังไม่มีรายงานในบริเวณอื่นในโลก

กุ้งเต้นคงเสมา (Floresorchestia kongsemae) ชนิดใหม่ของโลก 

เป็นสัตว์ในซับไฟลัมครัสเตเชียน คือกลุ่มเดียวกับกุ้ง ปู แต่มีขนาดเล็กกว่า ลำตัวแบนข้าง มีขาเดิน 7 คู่ ต่างจากกุ้งที่เรารู้จักกันที่มีขาเดิน 5 คู่ โดยปกติจะพบอาศัยในทะเลและน้ำจืด กุ้งเต้นที่พบอยู่ในวงศ์ Talitridae เป็น กลุ่มที่วิวัฒนาการปรับตัวให้มาอาศัยอยู่บนบกได้ แต่ยังมีลักษณะความเป็นสัตว์น้ำอยู่ คือหายใจด้วยเหงือก จึงมักพบอาศัยอยู่ในบริเวณที่ชื้นแฉะที่มีการรบกวนของ

หน้าดินน้อย

โดยปกติ กุ้งเต้น จะกินซากใบไม้ที่อยู่ริมฝั่งและสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร การกัดกินอาหารของกุ้งเต้น ดังกล่าว จะช่วยเร่งกระบวนการย่อยสลายโดยแบคทีเรียและช่วยหมุนเวียนสารอาหาร นอกจากนี้ กุ้งเต้นยังเป็นอาหารของนกที่พบหากินบริเวณริมน้ำ อีกด้วย

ลักษณะสำคัญของกุ้งเต้นคงเสมา (Floresorchestia kongsemae) ซึ่งเป็นกุ้งเต้นชนิดใหม่ของโลกนั้น บริเวณปากส่วนฟัน mandible lacinia mobilis ด้านซ้ายมีฟัน 5 ซี่ ก้ามคู่ที่ 2 มีส่วนฝ่ามือยาว 33% และมีหนามที่ปลายหางส่วน telson ข้างละ 4 หนาม

ถูกค้นพบโดยทีมวิจัย จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งทั้งหมดเป็นสมาชิกของภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้แก่ นายอโณทัย สุขล้อม อ.ดร.พัชร ดนัยสวัสดิ์ และอ.ดร. กรอร วงษ์กำแหง

โดยตั้งชื่อกุ้งเต้นชนิดใหม่ของโลก ว่า กุ้งเต้นคงเสมา เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ อ.ดร.เมษยะมาศ คงเสมา อาจารย์ประจำภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้มีส่วนช่วยในการเก็บตัวอย่างและวางแนวทางการศึกษาชีววิทยาของกุ้งเต้นชนิดใหม่ตัวนี้มาตั้งแต่ปี 2017 และอาจารย์ได้เสียชีวิตไปเมื่อเดือนมกราคม 2564 ทีมวิจัยจึงได้ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติและเพื่อเป็นการระลึกถึง อ.ดร.เมษยะมาศ คงเสมา ที่ให้ความช่วยเหลือในงานวิจัย และคุณูปการที่ทำให้กับภาควิชาและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เสมอมา

ซูเปอร์ฟูลมูน – พรุ่งนี้ 27 เม.ย. 64 ตามปฏิทินจันทรคติเป็นวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง ความพิเศษของข้างขึ้นรอบนี้ คือ ปรากฎการณ์ ‘Super Full Moon’ หรือ ‘ซุปเปอร์ฟูลมูน‘ ปรากฎการณ์ Super full moon เป็นปรากฎการณ์ที่มองได้ด้วยตาเปล่า มองขึ้นไปบนท้องฟ้า จะเห็นพระจันทร์เต็มดวงที่มีดวงโตกว่าขนาดปกติ อันเป็นผลจากวงโคจรของดวงจันทร์รอโลก ที่วนมาใกล้โลกที่สุดในรอบปี โดยมีระยะทาง 357,370 กิโลเมตร ซึ่งโดยปกติแล้ว ระยะห่างโลกกับดวงจันทร์ อยู่ที่ 384,400 กิโลเมตร

ทั้งนี้ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการโคจรของดวงจันทร์ต่อโลกว่า การโคจรเป็นลักษณะวงรี โคจร 1 รอบใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ส่วนที่ดวงจันทร์โคจรมาใกล้โลกที่สุด เรียก เปริจี (Perigee)  และจุดที่ไกลที่สุดเรียก อะโปจี (Apogee)

ดังนั้น หากคืนพรุ่งนี้ฟ้าเปิด The Thaiger ขอเชิญชวนคนที่ Work From Home อยู่บ้าน แหงนหน้าขึ้นท้องฟ้า มองจันทราดวงโตสุดสวย อาจพอช่วยเยียวยาจิตใจจากสภาพสังคม เศรษฐกิจ และโควิดช่วงนี้ได้สักครู่สักยามก็ยังดี

‘อ.เจษฎา’ เตือน ใช้ถังดับเพลิงทำเอฟเฟคควัน อันตรายถึงตาย

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ใช้ถังดับเพลิงสีแดง เพื่อใช้ทำเอ๊ฟเฟ๊คแบบดรายไอซ์ หรือ น้ำแข็งแห้ง ตอนประธานกล่าวจบ เรียกเสียงฮาไปก่อนหน้านี้นั้น ล่าสุด ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์เตือนว่า “เอาถังดับเพลิง มาทำเอฟเฟค ต้องระมัดระวัง อย่างสูงนะครับ”

พร้อมระบุว่า “ประเด็นคือ คลิปนี้ไม่ได้เขียนให้รายละเอียดเกี่ยวกับถังดับเพลิงที่ใช้ ไม่ได้หันด้านหน้าของถังมาให้ดูว่าเป็นชนิดที่ใส่สารอะไรไว้ จึงต้องระมัดระวังอย่างสูง ถ้าใครดูแล้วคิดจะเอาไปทำตามนะครับ

ปกติถังดับเพลิงที่เราใช้กันตามบ้านเรือนนั้นจะมีหลายประเภท ซึ่ง “ถังสีแดง” ที่เราคุ้นเคยกันนั้น ส่วนใหญ่มันจะเป็นชนิด “ผงเคมีแห้ง” สำหรับดับไฟได้หลากหลายที่มา ไม่ว่าจะเป็นเพลิงไหม้ที่เกิดจากเชื้อเพลิงของแข็ง เพลิงไหม้จากของเหลวติดไฟและก๊าซติดไฟ เพลิงไหม้จากอุปกรณ์ไฟฟ้า เพลิงไหม้จากโลหะไวไฟ เป็นต้น

หรือถ้าเป็น “ถังสีเขียว” ก็มักจะเป็นชนิด “น้ำยาเหลวระเหย” สามารถดับไฟได้หลากหลายที่มาเช่นกัน โดยมีข้อดีที่เมื่อฉีดใช้งาน จะไม่ทิ้งคราบสกปรก ไม่ทำลายอุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหาย เหมือนชนิดผงเคมีแห้ง

แต่ยังมีถังดับเพลิงชนิดหนึ่งที่ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) บรรจุภายใน “ถังสีแดง” โดยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ฉีดออกมานั้น จะเป็นไอเย็นจัด (คล้ายน้ำแข็งแห้ง ซึ่งก็คือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในรูปของแข็ง) ลดความร้อนของไฟได้ และยังไม่ทิ้งคราบสกปรกด้วย ถังดับเพลิงชนิดนี้จะมีจุดสังเกตที่ “ปลายกระบอกฉีด” จะมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป