ทนายตั้ม และผู้เสียหายที่จาก เอ็ม อภิดิศร์ เข้าหารือพูดคุยเรื่องกฎหมายใหม่กับ สมศักดิ์ เทพสุทิน ประกาศลั่นนามสกุลอะไร รวยแค่ไหน ก็ไม่พ้นกฎหมาย ทนายตั้ม หรือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กเผยความคืบหน้าของกรณีหลานรัฐมนตรี หรือ เอ็ม อภิดิศร์ ว่าวันนี้ตนได้เข้ากับนาย สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม หลังได้ทราบว่าจะมีกฎหมายใหม่ป้องกันการกระทำผิดซ้ำ
ทนายตั้ม ระบุว่า “วันนี้ผมและเหยื่อจากการถูกล่วงละเมิดจากตระกูลผู้มีอิทธิพล
มาที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อพบกับท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน รมต.ว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ทราบจากท่านรัฐมนตรีว่าจะมีกฎหมายใหม่เพิ่มโทษ วางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำความผิดซ้ำ หลังจากรับโทษแล้วโดยควบคุมด้วยวิธีติดกำไล EM ไปอีกไม่เกิน 10 ปี เพื่อตรวจสอบความประพฤติและป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ผมสัญญานะครับ จะตามติดคดีเหล่านี้โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมและทำให้คนกระทำผิดได้รับผลแห่งการกระทำ จะรวยแค่ไหน นามสกุลอะไร ถ้าทำผิดก็ไม่พ้นโทษตามกฎหมายหรอกครับ”
ตำรวจแจ้ง ข้อหาครูน้องจีฮุน คนขับรถตู้และครูเวรประจำโดยฟันกระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษสูงสุดคุก 10 ปี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้ากรณีน้องจีฮุนเสียชีวิตว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องหมดแล้ว และได้แจ้งข้อหาครูน้องจีฮุน ทั้ง คนขับรถตู้ และครูเวรประจำรถ
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่าพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา “กระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” โทษอัตราสูงสุด โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ยืนยันว่าน้องจีฮุนไม่ได้ถูกทำร้าย ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากภาวะอุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน หลังจากที่ครูลืมน้องจีฮุนไว้ในรถ จากข้อมูลสถิตินับตั้งแต่ปี 2557-2563 มีเหตุเด็กถูกลืมไว้บนรถโรงเรียน 129 ครั้ง มีเด็กเสียชีวิต จากนี้จะต้องมีการคิดทบทวนมาตรการความปลอดภัยอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้หรือกรณีแบบน้องจีฮุนซ้ำอีก
รวบแล้วผู้ต้องหา จุดไฟเผาเมียเก่า สมุทรปราการ ลั่นไม่ได้เจตนา แค่ป้องกันตัว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สมุทรปราการ เข้าจับกุมผู้ต้องหา จุดไฟเผาเมียเก่า ลั่นไม่ได้เจตนา จุดไฟเพราะป้องกันตัว เพราะผัวใหม่เมียจะทำร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางเสาธง ได้เข้าควบคุมตัวนาย บรรจง ม่วงแก้ว อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดสมุทรปราการ ผู้ต้องหาจุดไฟเผาเมียเก่า หลังจากที่ผู้ต้องหาราด น.ส.วีรนุช ทับกฤต อดีตภรรยาด้วยน้ำมันเบนซินก่อนจุดไฟเผาเมียเก่าทั้งเป็น จนได้รับบาดเจ็บ ก่อนหลบหนีมากบดานที่ จ.พิจิตร และถูกจับกุมได้ในที่สุด
นายบรรจง ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสาเหตุที่ตนจุดไฟเผาเมียทั้งเป็น ทำไปเพื่อป้องกันตัว เพราะสามีใหม่ของอดีตภรรยา จะนำมีดซามูไรมาทำร้ายตน ด้วยความกลัว ตนจึงนำน้ำมันเบนซินที่ซื้อมาเทลงบนพื้นและจุดไฟเผา เพื่อหวังจะขู่แต่ไฟเกิดลุกลามเร็วมาก ไฟเผามือตนจะได้รับบาดเจ็บ
หลังจากนั้นตนทนความร้อนไม่ไหว จึงทิ้งถังน้ำมันลงบนพื้น แต่ไม่คิดว่าน้ำมันจะไปโดนแขนและขาของอดีตภรรยา เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ด้วยความกลัวว่าจะถูกทำร้าย หลังเกิดเหตุตนจึงขับรถยนต์หลบหนีออกมาจากพื้นที่ จ.สมุทรปราการ
ส่วนน้ำมันที่นายบรรจงซื้อมานั้น เป็นน้ำมันที่ซื้อมาเพื่อ จะเติมใส่รถจักรยานยนต์ของอดีตภรรยา เนื่องจากน้ำมันหมด เพราะตอนเช้าต้องขับไปส่งลูกสาว 2 คน ที่โรงเรียน โดยลูกสาวเป็นคนโทรมาบอกให้ตนซื้อไปเติม ไม่ได้มีจุดประสงค์เอาไปจุดไฟเผาภรรยา หรือ เผาทำลายทรัพย์สิน
“จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมเสียใจ เพราะรักเมียรักลูกมาก และต้องการจะกลับมาอยู่เป็นครอบครัวเหมือนเดิม เคยไปง้อขอคืนดีหลายครั้งแต่ภรรยาไม่ยอม ผมพยายามปรับปรุงตัวเพื่อเลิกสุราให้ได้ ที่ผ่านมายอมให้อดีตภรรยามีสามีใหม่ ขณะที่ยังอยู่กินกับตน แต่สามีใหม่ไม่ต้องการให้ตนไปยุ่งเกี่ยว และอดีตภรรยาก็เลือกที่จะอยู่กับสามีใหม่อีกด้วย” นายบรรจงกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนและสอบปากคำผู้ต้องหาจุดไฟเผาเมียในสมุทรปราการอย่างละเอียด และจะนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดสมุทรปราการในวันศุกร์ที่ 2 ก.ย.นี้ ต่อไป
หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงไม่ต้องการให้มีพฤติการณ์ใดๆ ที่จะทำให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวของประชาชนผู้สุจริตต้องเสียไป และจะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการสกัดกั้นพฤติการณ์นี้ เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัยของประชาชนอย่างทุกรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม สำนักงาน คปภ. จะติดตามและตรวจสอบสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงขอให้ประชาชนมั่นใจต่อระบบประกันภัย สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงได้ในทุกสถานการณ์ หากประชาชนพบพฤติกรรมดังกล่าวขอให้รีบแจ้งสำนักงาน คปภ. เพื่อจะดำเนินการสืบสวนสอบสวน หากพบว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป